(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
เมื่อเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารก้าวหน้าขึ้น แพร่หลายขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันผู้ใช้ไม่ได้เป็นเพียงผู้รับสารเพียงอย่างเดียวแต่ขณะเดียวกันก็สามารถเปนผู้ผลิตข่าวสารได้อย่างง่ายดายผ่านช่องทางต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อมูลแทบทุกอย่างที่เราอยากรู้สามารถค้นหาได้แค่เพียงปลายนิ้วเท่านั้น อินเตอร์เน็ตคือกองข้อมูลขนาดมหึมาที่มีแต่จะขยายใหญ่ขึ้นๆ อาจเรียกได้ว่าร่องรอยแห่งอารยธรรมมนุษย์ในยุคต่อไปคงอยู่ในรูปแบบดิจิตอลเท่านั้นก็เปนไป โลกในยุคปัจจุบันไม่มีวันเหมือนอดีต มนุษย์ในยุคปัจจุบันไม่มีวันเหมือนยุคก่อนแน่นอน เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้นอกเสียจากจะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและลดช่องว่างของความแตกต่างนั้นลงหาไม่เราอาจกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมของโลกยุคปัจจุบันก้เป็นได้
คนยุคใหม่จำเป้นต้องมี Digital Literacy
คือชุดของทักษะพื้นฐานในการใช้เทคโนโลยี ทั้งเพื่อการทำงานและการเรียนรู้เพราะแทบทุกตำแหน่งงานในปัจจุบันต้องใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในการทำงานทั้งสิ้น หรือหากมองว่าจะต้องการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นยิ่งต้องการทักษะทางด้านดิจิตอลที่ซับซ้อนแหละหลากหลายมากขึ้นไปอีก และชุดทักษะนี้จำเป็นต้องได้รับการฝึกผ่านกระบวนการในการเรียนวิชาต่างๆเพื่อให้นักเรียนผู้อ่อนเยาวว์ค่อยๆซึมซับการใช้สื่อเทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุดนั้นเอง
ครูเพื่อศิษย์ต้องปรับการเรียนต้องเปลี่ยนการสอน
ศ.นพ วิจารณ์ พานิชได้กล่าวไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า การเรียนแบบมอบความรู้ การสอนแบบกรอกความรู้ใส่หัวนักเรียนซึ่งเป็นการเรียนแบบสมัยเก่าเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ยากที่จะทำให้นักเรียนสนใจได้เพราะสมัยนี้อย่างอื่นน่าสนใจกว่า และเด็กสมัยนี้ก็ไม่ใช่เด็กสมัยก่อน และต่างกันอย่างสิ้นเชิงถึงเวลาหรือยังที่เราต้องยอมรับจริงๆว่าเราอยู่คนละยุคกับผู้เรียนแล้วจริงๆ
นักเรียนไม่ผิดเพราะนี่คือยุคของเค้า....
เคยได้ยินคำพูดประมาณว่า เด็กสมัยนี้แย่กว่าเด็กสมัยก่อนในหลายๆเรื่อง หรือมัยเราเป็นเด็กเราก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ เด็กสมัยนี้สู้เด็กสมัยก่อนไม่ได้ นักเรียนสมัยนี้เทียบกับนักเรียนสมัยก่อนไม่ได้
"เราไปตัดสินเด็กสมัยว่า ไม่ดี ไม่ถูกต้องโดยเทียบกับเด็กในยุคก่อน" ความรู้สึกแบบนี้เลยกลายเป็นชนวนหนึ่งของการขัดแย้งหลาๆยอย่างๆ ใช่หรือไม่ แต่ความเป็นจริงคือเราเปลี่ยนเด็กหรือผู้เรียนนสมัยนี้ให้เหมือนยุคก่อนไม่ได้แน่นอน และต้องเข้าใจด้วยใจจริงว่า เขาก็เป็นอย่างนั้นเอง เป็นความปรกติธรรมดาของคนที่เกิดมาใยุคโลกปัจจุบันซึ่งเราผู้เกิดขึ้นมาก่อนในต่างๆยุคสมัยมีหน้าที่ที่จะต้องยอมรับและทำความเข้าใจว่า
ยากที่ผู้เรียนจะอยากยู่ในห้องเรียน
ยากที่ผู้เรียนจะสนใจมีสมธิกับการสอนแบบเดิมๆได้
.....
ความขัดแย้งของสิ่งที่เราทุกคนยอมรับกับการปฏิบัติจริง(เท่าที่ผมพยายามคิด ณ ตอนนี้นะ)
เคยได้ยินคำพูดประมาณว่า เด็กสมัยนี้แย่กว่าเด็กสมัยก่อนในหลายๆเรื่อง หรือมัยเราเป็นเด็กเราก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ เด็กสมัยนี้สู้เด็กสมัยก่อนไม่ได้ นักเรียนสมัยนี้เทียบกับนักเรียนสมัยก่อนไม่ได้
"เราไปตัดสินเด็กสมัยว่า ไม่ดี ไม่ถูกต้องโดยเทียบกับเด็กในยุคก่อน" ความรู้สึกแบบนี้เลยกลายเป็นชนวนหนึ่งของการขัดแย้งหลาๆยอย่างๆ ใช่หรือไม่ แต่ความเป็นจริงคือเราเปลี่ยนเด็กหรือผู้เรียนนสมัยนี้ให้เหมือนยุคก่อนไม่ได้แน่นอน และต้องเข้าใจด้วยใจจริงว่า เขาก็เป็นอย่างนั้นเอง เป็นความปรกติธรรมดาของคนที่เกิดมาใยุคโลกปัจจุบันซึ่งเราผู้เกิดขึ้นมาก่อนในต่างๆยุคสมัยมีหน้าที่ที่จะต้องยอมรับและทำความเข้าใจว่า
ยากที่ผู้เรียนจะอยากยู่ในห้องเรียน
ยากที่ผู้เรียนจะสนใจมีสมธิกับการสอนแบบเดิมๆได้
.....
ความขัดแย้งของสิ่งที่เราทุกคนยอมรับกับการปฏิบัติจริง(เท่าที่ผมพยายามคิด ณ ตอนนี้นะ)
เรายอมรับว่า การเรียนรู้ไม่ควรอยู่แต่ในห้องเรียน แต่เราก็ยังบังคับให้เค้าต้องเข้าเรียน
เรารู้ว่ปัจจุบันข้อมูล สื่อที่น่าสนใจมีหลากหลาย แต่เราก็ยังใช้ตำราเรียน
เราอบรมมากมาย แต่น้อยมากที่นำสู่การปฏิบัติ
เราสอน เหมือนสมัยที่เราเป็นนักเรียน
.......
เรารู้สึกว่าบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง แต่....
เขียนที่ โรงเรียนวังใหญ่วิทยาคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น